Vibration Monitoring 101 เข้าใจ Time Waveform, Spectrum และ Scalar Data อย่างง่าย

Vibration Monitoring

การตรวจวัดการสั่นสะเทือน หรือ Vibration Monitoring เป็นเทคนิคสำคัญที่ช่วยเฝ้าระวังและวิเคราะห์สภาพเครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรม การตรวจจับปัญหาตั้งแต่เนิ่น ๆ เช่น การไม่สมดุล (Imbalance) หรือความเสียหายของตลับลูกปืน (Bearing Wear) สามารถลดความเสี่ยงจากการหยุดทำงานฉับพลัน (Downtime) และประหยัดค่าใช้จ่ายได้มหาศาล

Image Not Found

ในบทความนี้ เราจะอธิบายพื้นฐานของ Time Waveform, Spectrum, และ Scalar Data พร้อมแสดงความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลเหล่านี้ เพื่อให้คุณสามารถนำไปใช้จริงในงานอุตสาหกรรม


Time Waveform เป็นการแสดงผลข้อมูลการสั่นสะเทือนในรูปแบบ แอมพลิจูด (Amplitude) เทียบกับ เวลา (Time) ช่วยให้คุณเห็นภาพของพฤติกรรมการสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละช่วงเวลา

ทำไม Time Waveform ถึงสำคัญ?

  • เหมาะสำหรับตรวจจับปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน (Transient Faults) เช่น การกระแทก (Impact) หรือการขัดข้องของอุปกรณ์
  • ตัวอย่าง: ถ้าเฟืองในเครื่องจักรเกิดการกระแทก คุณจะเห็น “จุดพุ่งสูง” บนกราฟ Time Waveform ซึ่งบ่งบอกถึงความผิดปกติในช่วงเวลานั้น

Spectrum เป็นการแปลงข้อมูลจาก Time Waveform ให้เป็น กราฟแสดงความถี่ (Frequency) เทียบกับแอมพลิจูด (Amplitude) ผ่านกระบวนการ Fast Fourier Transform (FFT)

ทำไม Spectrum ถึงสำคัญ?

  • ช่วยระบุแหล่งที่มาของการสั่นสะเทือน เช่น:
    • ความถี่ต่ำ การไม่สมดุล (Imbalance)
    • ความถี่สูง การเสียดสีของฟันเฟือง (Gear Mesh) หรือปัญหาตลับลูกปืน (Bearing Wear)
  • ตัวอย่าง: หากพบการสั่นสะเทือนที่ความถี่เฉพาะใน Spectrum คุณสามารถเชื่อมโยงปัญหานั้นกับส่วนของเครื่องจักรที่หมุนด้วยความถี่เดียวกัน

  • Time Waveform เหมาะสำหรับตรวจสอบปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ เช่น การกระแทก หรือความผิดปกติที่เกิดแบบชั่วคราว
  • Spectrum เหมาะสำหรับการระบุปัญหาเชิงโครงสร้างหรือวงจร เช่น การไม่สมดุลหรือการเสียดสี

ความสัมพันธ์: Time Waveform เป็นข้อมูลดิบที่ถูกแปลงเป็น Spectrum เพื่อช่วยวิเคราะห์ปัญหาในเชิงลึก หาก Time Waveform เป็น “กล้องจับภาพเหตุการณ์” Spectrum จะเปรียบเหมือน “เครื่องมือขยายภาพ” ที่ช่วยมองหาสาเหตุในเชิงลึก

Image Not Found

Scalar Data คือข้อมูลที่ถูกสรุปมาจาก Time Waveform และ Spectrum เช่น ค่าเฉลี่ยความเร็ว (Velocity) หรือความเร่ง (Acceleration) ซึ่งง่ายต่อการนำไปใช้ในการตรวจสอบ

ตัวอย่าง Scalar Data ที่เซนเซอร์ของ Banner Engineering ให้มา

  1. Velocity (10-1000 Hz): ใช้ระบุปัญหาเช่น การไม่สมดุลหรือการหลวมของชิ้นส่วน
  2. Acceleration (1000-4000 Hz): ใช้ระบุปัญหาที่เกิดจากแรงกระแทกหรือการเสียดสี

ทำไม Scalar Data ถึงมีประโยชน์?

  • ช่วยให้ทีมงานทั่วไปสามารถเฝ้าระวังปัญหาเบื้องต้นได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้เชี่ยวชาญตลอดเวลา
  • ตัวอย่าง หากเซนเซอร์แสดงค่า Velocity สูงกว่าปกติ คุณสามารถตรวจสอบเพิ่มเติมด้วย Time Waveform หรือ Spectrum เพื่อวิเคราะห์ปัญหาอย่างละเอียด

Vibration Monitoring สามารถนำไปใช้กับเครื่องจักรหลากหลายประเภท เช่น:

  • มอเตอร์ ตรวจจับการไม่สมดุลหรือการหลวมของเพลา
  • ปั๊ม เฝ้าระวังการเกิด Cavitation
  • เฟืองและตลับลูกปืน ระบุปัญหาการสึกหรอหรือเสียดสี

ในอุตสาหกรรม Food & Beverage, Automotive หรือ Electronics การติดตั้งเซนเซอร์บนอุปกรณ์หมุน เช่น มอเตอร์ขับเคลื่อนสายพาน หรือปั๊มในระบบหล่อเย็น ช่วยลดความเสี่ยงจากการหยุดทำงานกะทันหัน


การตรวจจับการสั่นสะเทือนช่วยให้คุณทราบปัญหาเครื่องจักรตั้งแต่เนิ่น ๆ และลดต้นทุนที่เกิดจาก Downtime โดยเฉพาะในเครื่องจักรที่มีการหมุนและมีความสำคัญสูง (Critical Rotating Equipment) เช่น มอเตอร์หลักหรือปั๊มในกระบวนการผลิต

การใช้ Time Waveform, Spectrum, และ Scalar Data อย่างถูกต้อง ช่วยให้คุณเฝ้าระวังและวิเคราะห์ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสำหรับเซนเซอร์จาก Banner Engineering คุณจะได้รับข้อมูลเชิงลึกที่แม่นยำ พร้อมระบบที่ใช้งานง่าย เช่น Asser Monitoring Gate (AMG) ที่ช่วยให้การตรวจวัดการสั่นสะเทือนเป็นเรื่องที่ทุกคนทำได้

Scroll to Top